วิธีนำเข้าสินค้าญี่ปุ่น มือใหม่ก็ทำได้ง่ายๆช่วยเพิ่มโอกาสธุรกิจ

สินค้าจากญี่ปุ่นไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า เครื่องสำอาง ขนม ของใช้ หรือแม้แต่ของสะสมเล็กๆน้อยๆ มักจะมีเสน่ห์เฉพาะตัว ทั้งคุณภาพดี ดีไซน์แปลกตา และบรรจุภัณฑ์ที่ดึงดูดใจ ไม่แปลกที่หลายคนอยากนำเข้าสินค้าญี่ปุ่นมาขายในไทย แต่ก็งงและจับต้นชนปลายไม่ถูกว่า จะเริ่มยังไงดี?
จริงๆ แล้วขั้นตอนนำเข้าไม่ซับซ้อนอย่างที่คิดค่ะ มือใหม่ก็สามารถทำได้ เพียงแค่รู้วิธีและวางแผนให้ดี เดี๋ยววันนี้เราจะพาคุณไล่ไปทีละขั้นตอน ตั้งแต่การเลือกสินค้าไปจนถึงการคำนวณค่าใช้จ่ายรวมๆ เพื่อให้เห็นภาพใหญ่ว่าการเริ่มธุรกิจนำเข้าสินค้าญี่ปุ่นนั้นเป็นอย่างไรบ้าง
1. เลือกสินค้าและแหล่งซื้อที่ใช่
เริ่มจากการหาสินค้าก่อน เพราะสินค้าญี่ปุ่นมีให้เลือกเยอะมากๆ ตั้งแต่ของใช้ในชีวิตประจำวันไปจนถึงของพรีเมียม เช่น
- เครื่องสำอางญี่ปุ่น ที่ขึ้นชื่อเรื่องคุณภาพและความปลอดภัย
- ขนมและของฝาก ที่รสชาติแปลกใหม่ แพ็กเกจน่ารัก
- ของใช้ในบ้าน ที่ดีไซน์เรียบง่าย ใช้งานสะดวก
- เครื่องเขียน ดีไซน์น่ารัก แปลกตา (แบบที่มีนวัตกรรมที่ได้รางวัล ก็น่าสนใจมากค่ะ link)
- ของสะสม อย่างฟิกเกอร์คาแร็กเตอร์ต่างๆ ที่ทั้งแรร์และหายาก จะยิ่งเป็นที่ต้องการของตลาด
พอเลือกสินค้าได้แล้ว ขั้นต่อมาคือการหาซัพพลายเออร์ที่เชื่อถือได้ ตัวเลือกเว็บยอดนิยม เช่น Rakuten, Amazon Japan, Yahoo Auction, Mercari หรือถ้าอยากได้ราคาส่งก็สามารถติดต่อร้านค้าส่งโดยตรง หรือใช้บริการ Proxy Service ที่ช่วยซื้อและส่งต่อมาให้ ซึ่งเหมาะกับมือใหม่ที่ยังไม่คุ้นเคยกับการเจรจาดีลราคา
2. จับตาดูค่าเงินเยน
ค่าเงินเยน (JPY) มีผลอย่างมากต่อราคาต้นทุนค่ะ ถ้าเยนอ่อนค่า ของก็จะถูกลง แต่ถ้าแข็งค่าก็จะรู้สึกแพงขึ้นทันที ดังนั้นทุกครั้งก่อนสั่งซื้อควรเช็คอัตราแลกเปลี่ยนเสมอ
ทริคเล็กๆ ที่ช่วยประหยัดต้นทุนคือ การเปรียบเทียบอัตราแลกเปลี่ยนของหลายธนาคาร รวมถึงลองใช้บริการโอนเงินออนไลน์ที่บางครั้งให้อัตราดีกว่า หรือเลือกโอนช่วงที่ค่าเงินอ่อนลง ก็ช่วยเซฟเงินได้อยู่ค่ะ
เพื่อให้ลูกค้าวางแผนต้นทุนได้ชัดเจน ไม่ต้องกังวลเรื่องเรทค่าเงิน SALMON EXPRESS ใช้อัตราแลกเปลี่ยนคงที่ 1 เยน = 0.285 บาท (รวมค่าบริการกดสั่งซื้อเรียบร้อยแล้ว)
เราใช้อัตราแลกเปลี่ยนมาตรฐานแบบคงที่ เพื่อให้ลูกค้าสามารถตรวจสอบและวางแผนค่าใช้จ่ายได้ล่วงหน้าและรัดกุม เพราะเราเข้าใจดีค่ะว่าไม่มีใครอยากเจอกับค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิดระหว่างทาง
ยังไงก็ตาม หากเรามีการเปลี่ยนแปลงนโยบาย SALMON EXPRESS จะะแจ้งให้ทราบล่วงหน้าอย่างแน่นอน
3. การขนส่ง: เลือกให้ตรงกับความต้องการ และ ไทม์ไลน์
เมื่อได้สินค้าที่อยากสั่งแล้ว ขั้นตอนต่อมาคือการขนส่งมายังไทย หลักๆจะมีให้เลือก 2 วิธี (ซึ่งแต่ละแบบก็มีข้อดีข้อจำกัดต่างกันไป ลูกค้าเลือกตามความเหมาะสมกับตัวเองได้เลยนะคะ)
1. ขนส่งทางอากาศ (Air Freight / Air Parcel) รวดเร็วที่สุด ใช้เวลาเพียง 510 วัน เหมาะกับสินค้าที่น้ำหนักเบาและต้องการความไว เช่น เสื้อผ้า หรือเครื่องสำอาง แต่ค่าขนส่งค่อนข้างสูง
2. ขนส่งทางเรือ (Sea Freight) วิธีนี้จะใช้เวลานานกว่า ประมาณ 35 สัปดาห์ แต่ราคาถูกกว่ามากค่ะ เหมาะกับสินค้าปริมาณมากหรือของที่ไม่รีบ เช่น เฟอร์นิเจอร์ เครื่องครัว หรือสต็อกสินค้า
เรารู้ดีว่าทุกพัสดุคือของสำคัญสำหรับลูกค้าไม่ว่าคุณจะเลือกขนส่งแบบไหน ทีมงาน SALMON EXPRESS พร้อมจะดูแลทุกขั้นตอนด้วยใจ ตั้งแต่รับของจากร้านค้าในญี่ปุ่น จัดส่งเข้าคลัง และส่งต่อถึงบ้านคุณในไทยอย่างปลอดภัยค่ะ
4. เลือกเจ้าขนส่งให้อุ่นใจ

เรื่องการเคลียร์ภาษีและเอกสารศุลกากรอาจทำให้คุณเป็นกังวลได้ แต่ปัญหานี้แก้ได้ด้วยบริการอย่าง Shipping Agent / ชิปปิ้ง ซึ่งจะช่วยดูแลทุกขั้นตอนให้ครบ ไม่วุ่นวาย..ไม่ปวดหัว..
ที่ SALMON EXPRESS เรามีทั้งบริการนำเข้าสินค้าญี่ปุ่นฝากส่ง และฝากสั่งจากญี่ปุ่น ไม่ว่าคุณจะสั่งเองหรือให้เราช่วยจัดหา ทีมงานมืออาชีพจะคอยดูแลตั้งแต่ต้นจนจบค่ะ
5. รู้ทันค่าใช้จ่ายที่ซ่อนอยู่
ค่าใช้จ่ายในการนำเข้าสินค้าญี่ปุ่นมีมากกว่าที่คิดค่ะ ไม่ได้มีแค่ ราคาสินค้า + ค่าขนส่ง เท่านั้น แต่ยังมีอื่น ๆ ที่ต้องคำนวณรวมด้วย ได้แก่
- ค่าสินค้า ราคาจริงจากญี่ปุ่น
- ค่าส่งภายในญี่ปุ่น จากร้านค้าไปโกดังหรือตัวแทน
- ค่าขนส่งระหว่างประเทศ ทางอากาศ ทางเรือ หรือด่วนพิเศษ
- ค่าภาษีนำเข้าและ VAT ขึ้นอยู่กับประเภทสินค้า
- ค่าบริการตัวแทนชิปปิ้ง สำหรับการเคลียร์ภาษีและการจัดการเอกสาร
- ค่าขนส่งภายในไทย จากท่าเรือหรือสนามบินจนถึงที่อยู่ของคุณ
6. อัตราค่าบริการ SALMON EXPRESS
ลูกค้าของ Salmon express จะเห็นราคาชัดเจนก่อนตัดสินใจ โดยเราจะไม่มีบวกเพิ่มหรือค่าใช้จ่ายแอบแฝงใดๆสามารถมั่นใจ
รูปแบบการขนส่ง
- ขนส่งทางเรือ : 250 บาท/กก. (ขีดละ 25 บาท) ใช้เวลาโดยประมาณ 35 สัปดาห์
- ขนส่งทางอากาศ : 1,000 บาท/กก. (ขีดละ 100 บาท) ใช้เวลาโดยประมาณ 510 วัน
รายละเอียดบริการ
- ราคาครอบคลุมทุกขั้นตอน
ราคาที่ลูกค้าเห็นจะรวมค่าบริการตั้งแต่โกดังญี่ปุ่นจนถึงไทย (ก็คือค่าขนส่งในไทย **แต่ไม่รวมค่าส่งภายในญี่ปุ่น**) - บริการจัดส่งฟรีภายในประเทศ
หลังของถึงไทย เราจะจัดส่งผ่าน Kerry Express หรือไปรษณีย์ไทยให้ฟรีค่ะ! แต่ถ้าท่านใดที่อยากได้ของรวดเร็วทันใจ ทางเราก็สามารถจัดส่งแบบเร่งด่วนอย่าง Lalamove หรือ Grab ได้เหมือนกัน (ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม คิดตามจริง) - น้ำหนักขั้นต่ำ
ทางเราไม่มีกำหนดเรื่องน้ำหนักขั้นต่ำ ทุกขั้นตอนเราคิดตามจริงเท่านั้น เพื่อให้ลูกค้าคุมงบได้สบายใจ - ค่าบริการพิเศษ (ถ้ามี)
บางรายการอาจมีค่าบริการเพิ่มเติม ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับประเภทสินค้าและเงื่อนไขการจัดส่งค่ะ - สินค้าขนาดใหญ่พิเศษ
อาจมีค่าบริการเพิ่มเติมตามประเภทของสินค้า ทีมงานจะแจ้งให้ทราบก่อนทุกครั้ง - การติดตามสถานะ
เราเข้าใจดีว่าแต่ละกล่องคือของสำคัญสำหรับลูกค้า ดังนั้น ทีมงานจะคอยอัปเดตสถานะให้ทราบทุกขั้นตอน ตั้งแต่รับของที่ญี่ปุ่น จัดส่งเข้าคลัง ไปจนถึงถึงมือคุณในไทย เพื่อให้มั่นใจได้ว่าทุกพัสดุถึงอย่างปลอดภัยและตรงเวลา
บริการฝากสั่งสินค้า (Proxy Service)
- ไม่มีค่าบริการฝากสั่งเพิ่มเติม แค่ส่งลิงก์สินค้าที่ต้องการมา ทีมงานจะช่วยตรวจสอบร้านค้า กดสั่ง ชำระเงิน (โดยอัตราแลกเปลี่ยนจะคงที่ 1 เยน = 0.285 บาท)
- เหมาะสำหรับคนที่ไม่มีที่อยู่หรือบัตรเครดิตญี่ปุ่น
- โปร่งใส: มีการแจ้งสรุปค่าใช้จ่ายก่อนทุกครั้ง
จริงๆแล้ว การนำเข้าสินค้าญี่ปุ่นไม่ใช่เรื่องยากเลยค่ะ หากได้ลองนำเข้าครั้งแรกกับผู้ใช้บริการที่มีระบบและขั้นตอนรองรับอย่างเป็นระเบียบ เพียงแค่เลือกสินค้าที่ต้องการ เช็กค่าใช้จ่ายทั้งหมด เลือกวิธีขนส่งที่เหมาะสม
SALMON EXPRESS เราคือพาร์ตเนอร์ที่ไว้ใจ พร้อมจะดูแลทุกขั้นตอนแบบครบวงจร ตั้งแต่การสั่งซื้อ นำเข้า เคลียร์ภาษี ไปจนถึงจัดส่งถึงมือคุณ บริการเริ่มต้นเพียง 250 บาท/กก. ไม่มีค่าใช้จ่ายแอบแฝง มั่นใจได้ว่าของจากญี่ปุ่นจะถึงไทยรวดเร็ว ปลอดภัย และคุ้มค่าที่สุด
ติดต่อนำเข้าสินค้าญี่ปุ่นกับเราได้ที่
LINE : @salmon_express
ที่อยู่ : 333/216 หมู่บ้านนิรติ ดอนเมือง ถนนเจริญวุฒากาศ แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร 10210
โทร : 098-715-1285
อีเมล : salmonexpress.info@gmail.com

